นมแม่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก เนื่องจากมีสารอาหารที่เหมาะสมต่อการเจิญเติบโตของเด็ก นอกจากนี้ ยังทำให้ทารกได้สัมผัสความรักความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่ ทำให้เกิดเป็นสายใยรักขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์อีกต่างหาก

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวเป็นเวลาอย่างน้อยๆ 6 เดือน หลังจากนั้น จึงค่อยให้ทานอาหารที่เหมาะสมกับวัยควบคู่กันจนกระทั่งทารกมีอายุครบ 2 ปี หรือมากกว่านั้น

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ WHO ออกมาให้คำแนะนำดังกล่าว ก็เนื่องจากน้ำนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
1) คาร์โบไฮเดรตน้ำตาลแลคโตสมากกว่า 200 ชนิด ที่ช่วยปรับความเป็นกรดด่างในลำไส้และดูดซึมเกลือแร่ได้ดี
2) โปรตีนชนิดย่อยง่าย ซึ่งลดการอักเสบ ดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุได้ดี
3) สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีเฉพาะนมแม่ ช่วยการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ และพัฒนาการของทารก
4) ไขมัน Plus + น้ำย่อยกรดไขมันที่จำเป็น ให้ทารกดูดซึมไปใช้งานได้ง่าย ช่วยพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น
5) ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส ไอโอดีน วิตามิน และแร่ธาตุ ที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของทารก

สารอาหารทั้งหมดที่มีในน้ำนมแม่ตามที่บอกมานี้มีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กๆ อย่างมาก การที่เด็กได้ดื่มน้ำนมแม่เป็นประจำตลอด 6 เดือนจะมีส่วนทำให้เกิดภูมิคุ้มกันจากแม่สู่ลูก ป้องกันการติดเชื้อ ลดอัตราการเจ็บป่วย และนอนโรงพยาบาล

ขณะเดียวกัน Prebiotics & Probiotics ที่มีในน้ำนมก็ส่งเสริมการทำงานแบคทีเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อ และการเกิด NCDs ในระยะยาว อีกทั้งยังมี Growth Factor กระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองและระบบประสาทอีกต่างหาก

ส่วนการที่แม่ให้น้ำนมต่อลูกนั้น สุขภาพของแม่ก็จะดีเช่นเดียวกัน เพราะช่วยขับของเสีย มดลูกเข้าอู่เร็ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้ถึง 500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน แถมยังลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และได้รับฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย แถมยังช่วยสร้างความผูกพันด้วย