ช่วงเดือนธันวาคมนี้มีกิจกรรมชิมข้าวใหม่เกิดขึ้นอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับที่ตลาดเขียวจตุจักรวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ก็มีข้าวใหม่พันธุ์พื้นบ้านหลากหลายสายพันธุ์จากเกษตรกรอินทรีย์มาให้เราๆ ได้ชิมเหมือนกัน
เพื่อการชิมข้าวที่ได้อรรถรสมากขึ้น เราเลยอยากเล่าเรื่องราวที่เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของข้าวไทยมารองท้องก่อน เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรได้รู้จักและได้กินข้าวไทยที่มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์มากกว่าที่เห็นในท้องตลาดทั่วไป
•สายพันธุ์ข้าวหลักๆ ในโลกนี้มีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ Javanica ที่มีเมล็ดป้อมใหญ่ สายพันธุ์ Indica เมล็ดเรียวยาวรี มีความร่วนหอม และ Japonica ซึ่งเป็นข้าวเหนียวเมล็ดป้อม โดยข้าวไทยนั้นเป็นข้าวที่อยู่ตรงกลางระหว่างสายพันธุ์ Indica กับ Japonica ทำให้มีส่วนผสมที่พิเศษคือ มีกลิ่นหอม มีเนื้อสัมผัสที่ร่วนและหนึบกำลังพอดี
•เมื่อนับเฉพาะข้าวสายพันธุ์ไทย จากอดีตมาจนถึงปัจจุบันไทยมีข้าวอยู่มากกว่า 20,000 สายพันธุ์ ในจำนวนนั้นมีข้าวสายพันธุ์พื้นบ้านอยู่อีกราว 5,000 สายพันธุ์ แต่ข้าวในท้องตลาดที่เราหาซื้อได้มีอยู่เพียง 40-50 สายพันธุ์ และมีข้าวที่หาซื้อได้ง่ายอยู่เพียงราว 10 สายพันธุ์เท่านั้น
•ข้าวหอมมะลิ 105 เป็นข้าวสายพันธุ์ไทยยอดนิยมที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากข้าวขาวดอกมะลิจากฉะเชิงเทรา ได้รับการรับรองสายพันธุ์เมื่อปี 2502 ต่อมากรมการข้าวของไทยและสถาบันวิจัยนานาชาติ ได้พัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อการผลิตเชิงอุตสาหกรรมขึ้น เป็นการผสมจากข้าวพันธุ์เหลืองทองของไทยและข้าวพันธุ์ IR8 จากฟิลิปปินส์ ก่อนจะแตกขยายออกมาเป็นข้าว กข อีกหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะข้าว กข43 ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ
•ข้าวหอมมะลิและข้าวสายพันธุ์ กข เริ่มเข้ามาแทนที่ข้าวสายพันธุ์พื้นบ้าน เมื่อรัฐบาลมีโครงการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าวในปี 2524 ให้นำข้าวพื้นบ้านมาแลกกับข้าวที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ไปปลูกแทน พันธุ์ข้าวของรัฐบาลไปได้ดีในเชิงเศรษฐกิจ จนทำให้ไทยกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก แต่ขณะเดียวกันสายพันธุ์ข้าวพื้นบ้านก็ค่อยๆ ถูกลบเลือนไปจากวงการข้าว
•แต่ปัจจุบัน ข้าวไทยได้ถูกช่วงชิงพื้นที่ไปจากตลาดโลก ด้วยคู่แข่งที่ผลิตข้าวได้คุณภาพใกล้เคียงด้วยต้นทุนต่ำกว่า การเพิ่มทางเลือกในการปลูกข้าว และการเพิ่มตัวเลือกในการกินข้าว โดยการฟื้นสายพันธุ์ข้าวพื้นบ้านกลับมาใหม่ จึงอาจเป็นอีกคำตอบหนึ่งของเกษตรกร
•ข้าวพันธุ์พื้นบ้านไทยกำลังเติบโตในตลาดข้าว และกำลังอยู่ในความสนใจของอุตสาหกรรมข้าว และการแปรรูปที่ทำได้หลากหลาย โดยชูความพิเศษของข้าวในแง่สุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ และไม่มีการผูกขาด เพื่อให้เกิดทางเลือกใหม่สำหรับการกินที่หลากหลาย
•ข้าวสายพันธุ์พื้นบ้าน ที่มีแหล่งปลูกอยู่ในแต่ละภูมิภาค จะให้กลิ่น รส เนื้อสัมผัส ที่ต่างกัน ความพิเศษที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะมีที่มาจากดินที่ปลูก เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา มีกลิ่นหอมพิเศษจากค่าความเค็มของดินทุ่งกุลา ข้าวหอมหัวบอนที่ปลูกทางภาคใต้ มีเนื้อหนึบ รสมัน และหอมคล้ายเผือก หรือข้าวดอยพันธุ์บือโป๊ะโละ มีเมล็ดอ้วน กลิ่นหอมคล้ายฟาง นุ่มหนึบแบบข้าวญี่ปุ่น
•ด้วยฤดูกาลปลูกข้าวต่างสายพันธุ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ทำให้ประเทศไทยมีข้าวใหม่กินได้ตลอดทั้งปี และนั่นคือเสน่ห์ของข้าวพื้นบ้านไทย อยากรู้ว่าเดือนไหนมีข้าวใหม่สายพันธุ์อะไร และหาซื้อได้ที่ไหน อ่านต่อได้ที่ https://gindee.club/article/112/
และที่ตลาดสีเขียวจตุจักร ในวันศุกร์ที่ 15 นี้ มีกิจกรรมชิมข้าวใหม่ ที่เราจะได้ลิ้มรสความหอมนุ่มของข้าวที่เกี่ยวใหม่ สีใหม่ และหุงใหม่ๆ ของข้าวหลากหลายสายพันธุ์ เริ่มจาก ข้าวมะลิใหญ่ จากกลุ่มกลุ่มเกษตรอินทรีย์สนามชัยเขต ฉะเชิงเทรา ที่นำน้ำพริกเผาโบราณและปลาช่อนแดดเดียวมาเคียงคู่ให้เราได้ชิม ในเวลา 12.00 น.
และชิมข้าวดอยอีก 6 สายพันธุ์ คือ ข้าวบือเปอะเล่อะ จากกลุ่มเกษตรวิสาหกิจชุมชนข้าวพื้นถิ่น ห้วยปูลิง แม่ฮ่องสอน ข้าวปิอิซู จากกลุ่มเกษตรวิสาหกิจชุมชนข้าวพื้นถิ่น ห้วยปูลิง แม่ฮ่องสอน ข้าวบือเนอมู จากชุมชนปกาเกอญอ บ้านห้วยอีค่าง เชียงใหม่ ข้าวบือโป๊ะโละ จากชุมชนปกาเกอะญอ บ้านแม่ลานคำ เชียงใหม่ ข้าวบือซูคี และข้าวบือชอมี จากชุมชนปกาเกอะญอ บ้านห้วยหินลาดใน เชียงราย โดยชิมคู่กับกับข้าวภาคกลาง ในเวลา 14.00 น.
นอกจากนี้ยังมีข้าวใหม่จากชาวนามาให้ช้อป ทั้งข้าวขาวเกยชัย ชมนาด นิลสวรรค์ ชำมะเลียงแดง ช่อราตรี จากเครือข่ายโรงเรียนชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ข้าวมะลิแดง ข้าวลืมผัว พร้อมทั้งข้าวเม่าที่มีให้กินปีละครั้ง จากเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน ข้าวเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยร้านนาเคียงเมือง และถ้าใครมีเมนูโปรดเป็นขนมจีน แนะนำให้ชิมขนมจีนจากข้าวพื้นบ้านกับแกงลูกกล้วยใส่ไก่บ้าน ที่ไม่ได้มีมาให้ชิมกันง่ายๆ
ตลาดเขียวจตุจักรเปิดทุกวันศุกร์ เวลา 11.00-17.30 น. บริเวณประตูทางเข้า 1 หน้าธนาคารออมสิน จตุจักร ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดเขียวจตุจักรได้ ตลาดเขียวจตุจักร JJ Green Market
ที่มาข้อมูล