‘Slow Life บางกอก’ ตลาดหัวใจสีเขียว พื้นที่ของการเชื่อมโยงเกษตรธรรมชาติกับคนเมือง

‘Slow Life บางกอก’ ตลาดหัวใจสีเขียวในบางกอก พื้นที่ของการเชื่อมโยงเกษตรธรรมชาติกับคนเมืองให้มาบรรจบกัน

จากงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ในสไตล์ของคนมีใจห่วงใยโลก ซึ่งเจ้าของบ้านเอ่ยปากชวนเพื่อนฝูงกลุ่มคนรักใคร่ที่มีใจเดียวกันมารวมตัวออกร้าน ยกผลิตภัณฑ์ พืชผล สินค้าออร์แกนิกมาตั้งโต๊ะเปิดร้านขายของในบริเวณบ้าน จนกลายเป็นไอเดียเกิดตลาด Slow Life บางกอก ตลาดดีๆ ที่รวมกลุ่มคนหัวใจสีเขียวแห่งย่านลาดพร้าว อีกหนึ่งคอมมูนิตี้ที่จะช่วยส่งเสริมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจให้คนกรุง

ทุกวันเสาร์แรกของเดือน ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น พื้นที่บริเวณบ้านของ จิง-ธีรา ลี้อบาย และ จิ้น-กวีวิรัญจ์ บัวสุวรรณ จะถูกเนรมิตเป็นตลาด ‘Slow Life บางกอก’ ตลาดที่อยากชวนให้ทุกคนมาใช้ชีวิตช้าๆ ที่รวมเอาเรื่องของธรรมชาติ ศิลปะ ความสุนทรี สุขภาพ วิถีชีวิต ไว้ด้วยกัน เพิ่มเติมจากชั้นล่างของตัวบ้านที่เปิดเป็นคาเฟ่ขนาดกำลังน่ารักอยู่แล้ว

DSC05483 Gindee Club กินดี คลับ

“ตอนเริ่มชวนเพื่อนๆ มาขายของวันขึ้นบ้านใหม่เมื่อ 2 ปีก่อน น่าจะเรียกว่าเป็นวันเดบิวต์ของตลาด Slow Life บางกอกก็ได้ แต่เปิดไปได้ไม่นานหลังจากนั้นต้องเว้นวรรคไปเพราะโควิด-19 ระบาดหนัก แล้วก็กลับมาเปิดตลาดอีกครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา

“แนวคิดการทำตลาดมาจากการที่เราได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิเอ็มโอเอไทย ซึ่งมีความกลมกลืนกันระหว่างธรรมชาติและศิลปะ และตัวเราเองก็อยู่ในแวดวงของตลาดออร์แกนิกอยู่แล้ว ร้านค้าที่มาร่วมออกร้านกับตลาดของเราจึงมาจากกลุ่มที่มีความสนใจเดียวกัน และมีกลุ่มเกษตรกรที่ทำเกษตรธรรมชาติตามแนวทางของเอ็มโอเอไทย เอาพืชผักที่ปลูกมาออกร้านกับเราด้วย”

จิงอธิบายถึง Slow Life บางกอก ตลาดเขียวเล็กๆ ในซอยรัชดาฯ 32 ที่มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม พืชผักผลไม้ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ ข้าวของ เสื้อผ้า งานคราฟต์ กว่า 30 ร้านมารวมตัวกัน โดยแต่ละร้านล้วนใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ ปลอดสารพิษ

ทั้งตลาดแห่งนี้ยังเปรียบเหมือนเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผลผลิตจากเกษตรธรรมชาติ ให้เข้ามาเจอกับคนเมืองได้ง่ายขึ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วแหล่งเพาะปลูกเกษตรธรรมชาติของเอ็มโอเอไทยมีอยู่ในต่างจังหวัด

DSC05456 Gindee Club กินดี คลับ

“ร้านค้าส่วนใหญ่ที่เป็นพืชผลทางการเกษตร จะมาจากเครือข่ายเกษตรธรรมชาติของเอ็มโอเอไทย ซึ่งสนับสนุนให้เกษตรกรใช้หลักการปลูกแบบวิถีธรรมชาติ จะไม่มีการใช้ปุ๋ยใดๆ แต่จะอาศัยการทำงานของระบบนิเวศในธรรมชาติ ผลผลิตที่ได้จึงไม่มีสารเคมี มั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอน และข้อดีของผลิตผลจากเกษตรธรรมชาติคือ สามารถเก็บได้นาน ไม่เน่า แต่เขาจะค่อยๆ แห้งเหมือนใบไม้แห้งหากเก็บไว้นานเกินไป

“ที่นี่จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางให้เกษตรกรของเอ็มโอเอไทย ได้นำผลิตผลมาวางจำหน่าย ซึ่งในกรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่จำหน่ายไม่เยอะ ทำให้สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคในเมือง และมีตัวแทนเกษตรกรจากพื้นที่ปลูกมาพูดคุยให้ความรู้กับคนที่มาเดินตลาด

“และเรายังมีการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้ร่วมเดินทางไปลงพื้นที่เยี่ยมชมการทำเกษตรธรรมชาติด้วย เพื่อจะได้เข้าใจเกษตรวิถีนี้มากขึ้น” จิงเล่าถึงความพิเศษของตลาด และยังพูดถึงประสบการณ์ที่เธอเองค่อนข้างประหลาดใจจากการได้พูดคุยเพื่อคัดเลือกร้านค้าต่างๆ ว่า

“เราให้ร้านค้าเขียนบอกเล่าเรื่องราวสินค้าที่จะนำมาขาย หากร้านไหนที่เรามีข้อสงสัยก็จะโทรไปสอบถามพูดคุย ร้านไหนที่ไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์ตลาดก็ไม่ผ่านการคัดเลือก มีอยู่รายหนึ่งเราโทรไปสอบถามว่าเขาใช้อะไรในการปลูกบ้าง สิ่งที่ได้จากการคุยกับเขาคือ ทำให้เรารู้ว่ายังมีคนที่ไม่เชื่อว่าการทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรปลอดสารมีอยู่จริง

“เขาบอกว่าคนที่บอกว่าไม่ใช้สารเคมีคือคนที่โกหก ในขณะที่เขาจริงใจ เพราะเขาพูดความจริง เราก็เลยต้องปฏิเสธเขาไป” เธอเล่าปนยิ้มถึงความเชื่อที่ฝังอยู่ในผู้คนจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่เข้าใจถึงการปลูกแบบปลอดเคมีว่าเป็นไปได้ และให้ผลที่ดีกว่าเสียด้วย

นอกจากผลิตผลและผลิตภัณฑ์ที่มาจำหน่ายในตลาด ซึ่งปลอดภัยต่อทั้งสุขภาพของผู้ซื้อผู้ขายแล้ว Slow Life บางกอก ยังชวนทุกคนมาช่วยกันดูแลสุขภาพของโลกด้วยการลด ละ เลิกการสร้างขยะ ด้วยการพกภาชนะส่วนตัว ทั้งจาน ช้อน แก้วน้ำของตัวเองมา โดยทางตลาดจะมีมุมล้างจานชามตั้งไว้บริการ

DSC05423 Gindee Club กินดี คลับ

“เรารู้สึกในการอยู่ร่วมกันทุกคนควรมีความรับผิดชอบร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องขยะ เดิมทีมีการตั้งถังขยะแยกประเภทไว้ แต่สุดท้ายพอถังเต็มก็ไม่มีใครมีเวลามาจัดการเอาขยะไปทิ้ง จากที่แยกขยะสุดท้ายขยะก็มากองรวมกัน แล้วเราก็ไม่อยากให้ขยะกลายเป็นภาระของร้านค้า ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของตลาดเราก็คือ คุณซื้ออะไรจากร้านไหนต้องเอาขยะนั้นกลับไปทิ้งให้ถูกร้าน”

ความกะทัดรัดของตลาดแบบที่มองเห็นทุกร้านอยู่ไม่ไกลจากสายตา ทำให้ธรรมเนียมของตลาดแบบนี้เป็นเรื่องเป็นไปได้ “ส่วนขยะที่ไม่ได้มาจากตลาด เราขอให้คุณเอากลับไปจัดการเอง เพราะสิ่งนี้คือความรับผิดชอบของผู้ซื้อ ในขณะที่ร้านค้าเองเขาจะได้เห็นและพิจารณาว่าร้านเขาสร้างขยะอะไรขึ้นมาบ้าง โดยที่เราจะให้ร้านแยกขยะออกเป็น 2 ถุงคือ ขยะทั่วไป กับขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไปจะเอาไปฝังกลบ ส่วนขยะรีไซเคิลสามารถเอามาขายคืนที่เราได้”

นอกจากจะเปิดตลาดเขียวภายในพื้นที่บ้านของตัวเองแล้ว จิงและจิ้นยังได้รับเชิญให้ไปจัดตลาดในอีเวนต์หรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งจิงบอกว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ไม่ว่าตัวตลาดจะเกิดขึ้นที่ไหน ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของแนวคิดที่ว่ามา

“ตลาด Slow Life บางกอก ที่จัดที่บ้านทุกวันเสาร์แรกของเดือน เราจะมีคอนเซ็ปต์แตกต่างกันไป และมีร้านค้าตามคอนเซ็ปต์มาออกร้านร่วมกับร้านค้าอื่นๆ ที่เป็นร้านหลัก อย่างวันนี้ (วันที่เราไปเยี่ยมชมและช้อป) เป็นคอนเซ็ปต์งานเทศกาลคราฟต์ช็อกโกแล็ต ก็จะมีคนทำช็อกโกแล็ตมารวมตัวกัน ทั้งขายของและมีเวิร์กช็อป มีเสวนาพูดคุยกันเรื่องช็อกโกแล็ต ส่วนก่อนหน้านี้เป็นเรื่อง Wellness เราก็มีร้านที่เกี่ยวกับสุขภาพ การใช้ธรรมชาติบำบัดต่างๆ มารวมตัวกัน”

DSC05402 Gindee Club กินดี คลับ

ตลาด Slow Life บางกอกจึงเป็นเหมือนคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่ไม่ใช่แค่การซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่รวมคนคอเดียวกันไว้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องธรรมชาติ เกษตรธรรมชาติ อาหารปลอดภัย สุขภาพ ศิลปะ และงานคราฟต์ต่างๆ ที่ทำให้หลายคนมาแล้วมาอีก

เพราะนอกจากการมาช้อปแล้ว ยังได้มานั่งแลกเปลี่ยนพูดคุย กินอาหาร หรือนั่งเล่นได้ทั้งวันแบบไม่ต้องเร่งรีบ สมชื่อ ‘Slow Life บางกอก’

tag:

ผู้เขียน

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscribe

ติดตามข่าวสาร Gindee Club

About Gindee Club

Connect us

Copyright © 2023 Gindee Club. All right reserved.