พลิกวิกฤติเด็กอ้วนในพะเยาสู่ ‘เครือข่ายปรับพฤติกรรมผู้บริโภค’ ลดโรค-ลดอ้วน

พลิกวิกฤติเด็กอ้วนในพะเยาสู่ ‘เครือข่ายปรับพฤติกรรมผู้บริโภค’ ลดโรค-ลดอ้วน

ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แสนวุ่น ยานะ หรือ ‘ป้าวุ่น’ ของเด็กๆ ก็สาละวนอยู่กับการเข้าครัวเตรียมมือกลางวันให้กับเด็กเล็กในโรงเรียนบ้านต๊ำพระแล อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ความเป็นคนพื้นที่ทำให้ป้าวุ่นพอจะหาผักปลอดสารมาปรุงอาหารมื้อโปรดของเด็กๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

“โรงเรียนจะมีตารางอาหารกลางวันให้ทำทุกวัน แล้วป้าก็เพิ่มเมนูจากผักปลอดสารเข้าไปทุกมื้อ อย่างสุกี้ ผัดผัก ซึ่งผักก็มาจากคนในท้องถิ่นที่ปลูกผักปลอดสาร แล้วก็ผักสวนครัวที่นักเรียนกับครูช่วยกันปลูกนี่ล่ะ ครูเขาว่า การกินผักจะช่วยควบคุมน้ำหนัก และอาหารอร่อยๆ จะช่วยให้เด็กมีความสุขกับการกินผักมากขึ้น พอเรานำผักมาปรุงเป็นเมนูที่เด็กอยากกิน เขาก็กินผักเก่งขึ้นนะ”

อาหารในถาดหลุมได้รับการจัดหมวดหมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ที่น่าชื่นชมคือ ‘ผักและผลไม้สด’ ไม่ใช่อาหารที่ถูกเขี่ยไว้ข้างจานอีกต่อไป ภายหลังจากผลสำรวจเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษากว่า 30,000 คนจาก 46 โรงเรียนในจังหวัดพะเยา พบว่า เด็กประสบภาวะอ้วนและเตี้ยถึงกว่า 30%

โดยทางการแพทย์ ภาวะอ้วนหมายถึง ร่างกายมีไขมันส่วนเกินสะสมในเซลล์ไขมันมากจนมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน สถานการณ์นี้ทำให้ พวงทอง ว่องไว อดีตข้าราชการครูผู้หันเหมาร่วมงานกับมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ริเริ่มโครงการ ‘สร้างพลังเครือข่ายปรับพฤติกรรมการบริโภค เพื่อลดภาวะอ้วนและน้ำหนักตัวเกินในเด็กประถม จ.พะเยา’ ร่วมกับ สสส. ในปี พ.ศ. 2562

LINE ALBUM 230207 0 edited Gindee Club กินดี คลับ

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กอ้วน มาจากการที่ผู้ปกครองปล่อยให้เด็กๆ มีอิสระในการกินมากเกินไป เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาและเด็กส่วนใหญ่ติดเกม บวกกับทุกวันนี้มีอาหารทอดเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หมูทอด เรียกว่าติด 1 ใน 5 เมนูที่เด็กบริโภคทุกวัน

“ขณะที่เด็กได้กินผักและผลไม้ในอัตราส่วนน้อยมาก รวมถึงกระแสบริโภคนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป เดี๋ยวนี้ผู้ปกครองพาลูกหลานเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาของกินเป็นประจำ พ่อแม่ทุกวันนี้กลายเป็น ‘ผู้ปกครองถุงพลาสติก’ ไปแล้ว ถ้าเราไม่เปลี่ยนตั้งแต่มุมมองความคิดของผู้ปกครองจนถึงร้านค้า ปัญหานี้จะไม่มีวันจบสิ้น”

ในฐานะคนเคยอ้วนและป่วยด้วยโรคไขมันพอกตับ จนต้องลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างจริงจัง พวงทองได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลดน้ำหนัก ควบคู่กับการปรับสมดุลการกินอาหารและการออกกำลังกาย เพื่อมาประยุกต์ใช้กับโครงการฯ เมนูอาหารกลางวันในโรงเรียนจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และต่อยอดไปสู่การให้ความรู้เรื่องฉลากโภชนาการ

“เราเริ่มจากการปรับเมนูอาหารกลางวันในโรงเรียน ให้เพิ่มผัก-ผลไม้วันละ 400 กรัมต่อเด็กหนึ่งคน ลดน้ำตาล ลดของหวาน ควบคู่กับเพิ่มหลักสูตรการเรียนว่าด้วยเรื่องการอ่านฉลากโภชนาการ การเลือกเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล การฉลาดซื้อและฉลาดบริโภคอาหาร โรคที่มากับอาหาร จนถึงการรู้เท่าทันโฆษณาและการตลาด

“โดยเราจะเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับคุณครูและผู้ปกครองเพื่อถ่ายทอดให้กับเด็กนักเรียน รวมถึงมีการประเมินผลความเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเด็กๆ ในหนึ่งภาคเรียนอีกด้วย”

เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า แม้เด็กอ้วนอาจจะดูน่ารัก แต่ภาวะเด็กอ้วนอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ต่อสุขภาพในอนาคต ทำให้เด็กๆ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อไม่เรื้อรังในวัยผู้ใหญ่ ทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมันพอกตับ โรคหัวใจ เป็นต้น ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงเริ่มขับเคลื่อนโครงการฯ ทั้งจากภาครัฐ โรงเรียน บ้าน และร้านค้าต่างๆ ในชุมชน

“เราทำงานตั้งแต่ระดับนโยบาย ด้วยการเชื่อมต่อกับคณะกรรมการอาหารจังหวัดพะเยา โรงเรียน ผู้ปกครอง จนถึงการควบคุมขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ที่วางขายในร้านค้าชุมชน ที่ชอบมากคือโรงเรียนเพิ่มสัดส่วนการผลิตอาหารที่มีผักผลไม้เป็นส่วนประกอบมากขึ้น ส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารในโรงเรียนและชุมชน ส่งเสริมให้ผู้ปกครองสนับสนุนผักปลอดสารจากโรงเรียน และจัดทำบันทึกข้อตกลงเรื่องการลดปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลในอาหาร

“สำคัญสุดต้องกินแล้วอร่อย อย่างโรงเรียนหนึ่งทำเค้กปลาส้มไร้น้ำตาล อร่อยมาก เป็นตัวอย่างที่ดีของการประยุกต์เมนูพื้นบ้านที่กินอร่อยและดีต่อสุขภาพ”

จากการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน พวงทองพบว่า 80% ของเด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือ ‘เด็กอ้วน’ มีน้ำหนักตัวลดลงและรูปร่างสมส่วนมากขึ้น เช่นเดียวกับการลดน้ำหนักเกินในครูและผู้ปกครอง ทำให้พวงทองมองเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนนโยบาย ‘อาหารปลอดภัย’ ให้เป็นวาระสำคัญลำดับต่อไป ภายใต้ความร่วมมือของคณะกรรมการ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานศึกษาในท้องถิ่น

“ที่เราประทับใจมากคือ เด็กชายคนหนึ่งสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 8 กิโลกรัมในหนึ่งภาคเรียน โดยมีคุณตาเป็นคนคอยควบคุมดูแลการกินและการออกกำลังกายให้หลาน เรายังส่งเสริมให้เด็กที่มีภาวะน้ำหนักเกินเข้าคอร์สปรับพฤติกรรมการกินควบคู่กับการออกกำลังกาย ซึ่งการได้รับความร่วมมือจากครูและผู้ปกครองมีส่วนสำคัญมาก ผู้ปกครองหลายคนมีความรู้เท่าทันในการเลือกขนมและเครื่องดื่มให้กับเด็กๆ ส่วนครูก็เปลี่ยนเมนูอาหารกลางวันและดูแลเรื่องการขายของทั้งในและบริเวณหน้าโรงเรียน”

ถึงอย่างนั้น ความหวังที่จะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอย่างยั่งยืน กลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเสมอไป ในเมื่อหนึ่งในปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมานานหลายปี คือค่านิยมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามระบบทุนนิยม อุปสรรคใหญ่จึงเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปิดภาคเรียน

“ที่น่าเป็นห่วงคือ ช่วงปิดภาคเรียน เด็กคนเดิมที่เคยลดน้ำหนักได้ถึง 8 กิโลกรัม กลับน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 2 กิโลกรัม ทำให้เราอยากให้นโยบายนี้ได้รับการสานต่อจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กๆ มีความรู้เท่าทัน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ว่าจบโครงการแล้วก็กลับไปมีภาวะอ้วนเหมือนเดิม

“อีกหนึ่งปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้คือ การที่โรงเรียนได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทเครื่องดื่มให้มาตั้งตู้วางขายน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มหวานๆ ในโรงเรียน เราจึงพยายามรณรงค์ให้ครูและผู้ปกครองมองเห็นความสำคัญของการเรียนดี ว่าต้องควบคู่กับการมีสุขภาพที่ดี ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้ปกครองลดการเข้าครัว แต่หันมาสั่งอาหารผ่าน Food Delivery มากขึ้น ในอนาคตคนไทยจะเสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วนหรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เพราะเราไม่รู้วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต รวมถึงปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียม”

ด้วยเหตุนี้ พวงทองจึงมุ่งมั่นปลูกฝังองค์ความรู้เรื่อง ‘กินเป็นยา’ เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ดีของคนทุกกลุ่ม พร้อมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนหันมาเป็นจิตอาสา เพื่อเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการผ่านเสียงตามสาย หรือกิจกรรม ‘พี่สอนน้อง’ ภายในโรงเรียน

“เรายังร่วมมือกับโรงเรียนในการพัฒนาทักษะการทำเกษตรอินทรีย์ ต่อยอดไปสู่การปลูกผักปลอดสารกินเองที่บ้าน โปรเจ็กต์ต่อไปของเรา คือการสร้างพื้นที่ชุมชนต้นแบบและการจัดการอาหารปลอดภัยของชุมชน ว่าด้วยเรื่องแหล่งผลิตอาหาร การปรุงอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ จนถึงการจัดจำหน่าย

“เพื่อนำไปสู่ ‘เมืองแห่งสุขภาวะ’ ที่เชื่อมโยงทั้งบ้าน ร้านค้า โรงเรียน และชุมชนเข้าด้วยกัน เป็นการขับเคลื่อนแบบครบวงจรสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนของ สสส. เพราะเราอยากดูแลสุขภาวะของคนทุกวัย รวมถึงการดูแลเรื่องความเครียดและจิตใจให้มีสุขภาพดีแบบองค์รวม”

ภายใต้รอยยิ้มของพวงทอง ว่องไว เต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์และแนวคิดในการพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างไม่รู้เหนื่อย การได้เห็นนักเรียน ครู และผู้ปกครอง มีรูปร่างสมส่วนและสุขภาพแข็งแรง เป็นภาพประทับใจที่ทำให้พวงทองมีความหวังและกำลังใจที่จะเดินหน้าสานต่อโครงการใหม่ๆ ในอนาคต

เช่นเดียวกับความหวังที่จะสร้างคนต้นแบบอย่างป้าวุ่นและครูในโรงเรียน เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการสานต่อและขับเคลื่อนโครงการได้อย่างยั่งยืน

tag:

ผู้เขียน

บทความที่เกี่ยวข้อง

Subscribe

ติดตามข่าวสาร Gindee Club

About Gindee Club

Connect us

Copyright © 2023 Gindee Club. All right reserved.