จุลินทรีย์สุขภาพ ตัวการสุขภาพดีของนมแม่ สู่ภูมิคุ้มกันในตัวลูก
เพราะสุขภาพดีสามารถเริ่มต้นที่ ‘นมแม่’
จากข้อมูลความรู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยสากลว่า ‘นมแม่’ นั้นมากมายด้วยประโยชน์ นอกจากจะเป็นอาหารชั้นเลิศของลูกน้อยแล้ว นมแม่ยังเปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกในการสร้างภูมิต้านทานให้ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เพื่อการเลี้ยงลูกให้มีสุขภาวะที่ดีท่ามกลางสถานการณ์การเกิดโรคที่มีทั้งโรคใหม่อย่างโควิด-19 หรือโรคเก่าอย่าง RSV Rota ซึ่งยังคงวนกลับมาชวนให้พ่อแม่ยุคใหม่คิ้วขมวด กุมขมับอย่างสม่ำเสมอ ‘โครงการสร้างสุขภาวะเด็กไทยด้วยนมแม่ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 และสานพลังเครือข่ายสู่การขยายผล’ จึงนำเสนอสาระความรู้ในรายการ Exclusive Breastfeeding no Water Series ผ่านทางเพจมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
โดยมี หมอเอ๋-ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ชวนเหล่าคุณหมอผู้เป็นกำลังสำคัญในการมีสุขภาพที่ดีของเด็กไทยอย่าง หมอโอ-ผศ.(พิเศษ) พญ.อรภา สุธีโรจน์ตระกูล กุมารแพทย์ด้านโภชนาการ, หมอยุ้ย-รศ.พญ.สุดาทิพย์ โฆษะตะมงคล กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด และหมอโอ-นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ สูตินรีแพทย์ และหัวหน้ากลุ่มแม่และเด็ก สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ อัพเดตข้อมูลประโยชน์ของนมแม่ ภายใต้หัวข้อ ‘ภูมิต้านทาน ภูมิแพ้ และนมแม่’
จากข้อมูลความรู้ของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การที่เด็กจะมีสุขภาวะดีได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางอารมณ์ สุขภาวะทางสังคม หรือแม้แต่สุขภาวะทางการเงิน ‘นมแม่’ คือปัจจัยที่มีความเกี่ยวเนื่อง อันจะส่งผลต่อการมีสุขภาวะที่ดีในทุกๆ ด้าน
สิ่งที่ส่งผลโดยตรงคือเรื่องทางกาย เพราะนมแม่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย หรือเรื่องทางใจ ด้วยการที่เด็กดูดนมจากเต้าของแม่ คือเรื่องของการสร้างสานสัมพันธ์ทางใจ ในขณะที่เรื่องทางการเงินก็ส่งผลอย่างชัดเจนเช่นกัน หากนำค่านมผงที่ต้องจ่ายมาคำนวนเป็นตัวเลข จะเห็นได้ว่า นมแม่ช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อยทีเดียว
ทั้งนี้จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ของคุณหมอ ภายใต้หัวข้อ ‘ภูมิต้านทาน ภูมิแพ้ และนมแม่’ สามารถสรุปออกมาเป็น 6 สาระสำคัญได้ดังนี้
1.นมแม่ คืออาหารที่เปรียบได้กับยาวิเศษของทารกแรกเกิด ที่สามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กได้จริงๆ และดีที่สุด เพราะนมแม่มีประโยชน์ต่อเด็กในแง่ของสารอาหาร ซึ่งทุกคนรับรู้กันดีว่าพอเหมาะ พอเพียง และเหมาะสมที่สุด
2. นอกจากสารอาหารอันครบครัน นมแม่ยังมีสารอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ‘จุลินทรีย์สุขภาพ’ โดยเป็นสารที่ช่วยในการส่งเสริมการทำงานของภูมิต้านทาน และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายทารก ที่สามารถส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวของเด็ก เพราะนมแม่เป็นนมที่มีจุลินทรีย์ เมื่อเด็กกินเข้าไปในร่างกาย จุลินทรีย์จะเข้าไปฝังตัวและเติบโตอยู่ในลำไส้ของลูก ซึ่งจุลินทรีย์ดีจะเข้าไปส่งสัญญาณบอกให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงาน ออกมาต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ จึงทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง
3. การกินนมแม่ในรูปแบบต่างกัน มีผลต่อจุลินทรีย์สุขภาพ หากให้ทารกกินนมแม่จากเต้า จุลินทรีย์สุขภาพที่พบมีความต่างจากนมแม่ที่ได้จากการปั๊มและนำไปฟรีซแล้วค่อยเอามาให้ลูกกินจากขวดนม และแน่นอนว่าการให้กินนมแม่ผสมนมผงย่อมได้จุลินทรีย์สุขภาพแตกต่างกันเช่นกัน โดยการให้ลูกกินนมแม่จากเต้าโดยตรง จะได้จุลินทรีย์สุขภาพแบบเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
4. จุลินทรีย์สุขภาพดีในนมแม่ ส่งผลต่อโอกาสในการเกิดโรคภูมิแพ้ต่างๆ ลดลง โดยเฉพาะโอกาสการเป็นโรคหอบหืดในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ เด็กที่กินนมแม่จะมีโอกาสเป็นน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่
5. นมแม่คือโปรตีนจากคน ซึ่งจะไม่แพ้ง่ายเหมือนโปรตีนจากวัว เด็กกินนมแม่จึงมีผลต่อการแพ้อาหารประเภทโปรตีนน้อยกว่า ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการแพ้โปรตีนในวัวจำนวนไม่น้อย สาเหตุอาจมาจากการที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการบำรุงร่างกาย คนที่ไม่เคยกินนมวัวก็กินนมวัวตามสรรพคุณของนมบำรุงครรภ์ต่างๆ ที่โฆษณา ดังนั้นการที่แม่กินนมวัวเข้าไปมากๆ ทั้งที่ชีวิตปกติก่อนท้องไม่ค่อยได้กินนม อาจส่งผลให้ลูกคลอดออกมามีโอกาสที่จะเกิดการแพ้โปรตีนในนมวัวมากขึ้นได้
6. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ล้วนๆ อย่างเดียวไม่มีสิ่งใดเจือปนแม้กระทั่งน้ำเปล่าด้วยระยะเวลา 6 เดือน จะทำให้ลูกได้รับประโยชน์อันมหาศาลของนมแม่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และเป็นเด็กที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย นอกจากจุลินทรีย์สุขภาพดีแล้ว นมแม่ยังมี Growth Factor และ Stem Cell ที่ส่งผลต่อสมอง ช่วยให้เด็กมีไอคิวที่ดี และส่งผลต่อการซ่อมแซมสิ่งที่ร่างกายถูกทำลายให้ดีขึ้นด้วย
บทสรุปส่งท้ายจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในหัวข้อ ‘ภูมิต้านทาน ภูมิแพ้ และนมแม่’ คือ นมแม่มีประโยชน์มหาศาล โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยโรคระบาดจากเชื้อไวรัสต่างๆ มากมาย นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้น
นอกจากนั้นในระยะยาว ยังมีการศึกษาพบว่าสามารถช่วยลดปัญหาการเกิดโรคในกลุ่ม NCDs คือโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจต่างๆ ได้ เนื่องจากกลไกของร่างกายได้เริ่มต้นด้วยการมีต้นทุนที่ดี
มากไปกว่านั้น นมแม่ยังช่วยให้สุขภาวะด้านอื่นๆ ดีขึ้นด้วย เมื่อเด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ก็มีพลังใจที่ดีในการออกไปเล่น ไปเรียนรู้ พ่อแม่เองก็ไม่ต้องเครียดกับภาวะเจ็บป่วยของลูก ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพ แต่หมายถึงเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในครัวเรือน เพราะค่ารักษาในปัจจุบันค่อนข้างสูง
ถึงแม้นมแม่จะมีประโยชน์มากมาย และคุณหมอทุกท่านเห็นตรงกันว่า “นมแม่ดีที่สุด” แต่การให้นมแม่มีอุปสรรคขัดขวางไม่น้อย จึงอยากให้คุณพ่อคุณแม่ค่อยๆ ทำความเข้าใจ เพื่อจะนำพาให้ลูกไปสู่การมีสุขภาวะได้อย่างแท้จริง และที่สำคัญคือ พ่อแม่ต้องไม่ลืมดูแลจิตใจของตัวเองด้วย บางคนอาจจะพยายามกับการให้นมแม่มากจนส่งผลต่อความเครียดของตัวเอง
สุดท้ายคุณหมอฝากข้อคิดไว้ว่า “นมแม่ดีที่สุด ให้มากดีกว่าให้น้อย ให้น้อยดีกว่าไม่ให้ แต่ถึงจะมีอุปสรรคอย่างไร ทุกคนก็เป็นแม่ที่ดีได้เช่นกัน”