กินน้ำตาลอย่างไร ให้ได้ประโยชน์มากกว่าโทษ

น้ำตาลมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะเป็นสารให้ความหวานที่ให้พลังงาน ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว เลือดไหลเวียนดี ช่วยรักษาปากเป็นแผล บรรเทาอาการปวด ลดความเครียด ดับร้อน ถอนพิษ และช่วยรักษาอาการไอมีเสมหะ

แต่ในอีกด้านหนึ่งน้ำตาลก็มีโทษอยู่ไม่น้อย หากไม่รู้จักกินให้พอดี เพราะการกินน้ำตาลที่มากเกินไป ทำให้เกิดภาวะอ้วน ฟันผุ เกิดริ้วรอยก่อนวัย และเป็นต้นเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน สมองเสื่อม กดระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงมะเร็งได้

ร่างกายเราในแต่ละวันสามารถกำจัดน้ำตาลได้วันละไม่เกิน 6 ช้อนชา (1 ช้อนชา = 4 กรัม) นั่นหมายความง่ายๆ ว่า เราไม่ควรกินน้ำตาลมากเกินวันละ 6 ช้อนชา แต่ถึงที่สุดแล้ว เราไม่ควรตั้งเป้าว่าเราจะไม่กินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม แต่ควรตั้งเป้าว่า เราจะลดการกินน้ำตาลต่อวันให้น้อยลงกว่านี้ยังไงมากกว่า

และอย่าลืมว่าเราในแต่ละวันเรากินอาหารที่มีน้ำตาลแฝงอยู่ด้วย เช่น ในอาหารหรือผลไม้ ที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีน้ำตาลอยู่เท่าไร

วิธีลดการกินน้ำตาลต่อวันมีหลายวิธี เช่น ลดการเติมน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่มจากปริมาณเดิมสักครึ่งช้อนชา แล้วค่อยๆ ลดลงในวันต่อๆ มา เพื่อให้ลิ้นได้ปรับการรับรส ลดน้ำอัดลมและเครื่องดื่มรสหวาน กินผลไม้โดยไม่ต้องจิ้มเกลือหรือน้ำตาล และอ่านฉลากโภชนาการให้เข้าใจ

เช่น ฉลากบนนมกล่องเขียนว่า มีน้ำตาล 8 กรัม ให้เอา 4 หาร ก็จะได้ปริมาณน้ำตาลในนมกล่องนั้น 2 ช้อนชา และหากข้างกล่องเขียนว่า สำหรับบริโภค 2 คน หมายความว่า นมกล่องนี้มีปริมาณน้ำตาล 4 ช้อนชานั่นเอง

เครื่องดื่มที่มีรสหวานไม่ได้ดับกระหาย แต่เป็นเพราะน้ำตาลที่เพิ่มกะทันหันทำให้อินซูลินทำงานหนัก พาน้ำตาลลำเลียงไปสู่สมองได้รวดเร็วทันที ซึ่งถ้าหากน้ำตาลในเลือดสูงทันทีบ่อยๆ ร่างกายจะเกิดการต้านอินซูลินในอนาคต ทำให้น้ำตาลในเลือดสะสมสูงขึ้น

น้ำเปล่าที่ ‘ถูกและดี’ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

อ้างอิงจาก:

– หมอชาวบ้าน www.doctor.or.th/article/detail/1147

– หนังสือ ‘กินล้างโรค’ โดย ดร.ผาสุข แก้วเจริญตา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ