เมื่ออาหารอินทรีย์ คืออาหารดีที่ใครๆ ควรจับต้องได้ การจัดพื้นที่เปิดตลาดเป็นตัวกลางให้เกษตรกรพ่อค้าแม่ค้าพืชผัก อาหาร สินค้าปลอดสารเคมี ได้พบกับผู้บริโภค คือวัตถุประสงค์หลักของการทำ ‘ตลาดสีเขียว’ ที่จัดขึ้นโดยเครือข่ายตลาดเขียว สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการจัดสรรพื้นที่บริเวณลานปรีดี ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ทุกวันพุธและพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน เปิดตลาดสีเขียว ยกพืชผัก อาหาร สินค้าปลอดสารจากแหล่งผลิตมาให้คนรักสุขภาพได้ชม ช้อป ชิม กันแบบสบายใจว่าปลอดภัยแน่นอน
ก่อนจะปักหมุดเปิดพื้นที่ ณ ลานปรีดี แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตลาดสีเขียวได้ดำเนินการมาเป็นเวลาราว 10 ปีแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ภายในโรงพยาบาลต่างๆ เพราะเป็นสถานที่ที่มีผู้คนหลากหลาย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ผู้ป่วย คนเฝ้าไข้ คนเยี่ยมไข้ ซึ่งมีทุกเพศทุกวัย
แม้ว่ามหาวิทยาลัยอาจจะไม่ได้กลุ่มคนหลากหลายเท่าโรงพยาบาล แต่จากการสังเกตการณ์เมื่อคราวที่ได้ไปแวะช้อปมา ตลาดสีเขียวที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีความคึกคักแบบกำลังน่ารักทีเดียว
กรณ์รวี เก่งกุลภพ ผู้ดำเนินการเครือข่ายตลาดสีเขียว กล่าวว่า หลังจากที่หยุดดำเนินการทำตลาดสีเขียวไปเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สมาชิกเครือข่ายจาก 60 ร้าน ก็เริ่มหายไปเหลือแค่ราวๆ 30 กว่าร้าน แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวพร้อมกลับมาดำเนินการตามปกติ ทางธรรมศาสตร์ก็มีความพร้อมเรื่องพื้นที่ และอยากให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยสามารถเข้าถึงการบริโภคผัก อาหารปลอดสารพิษได้ง่ายขึ้น
ตลาดสีเขียวจึงเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เป็นต้นมา โดยขายกันที่ตึกโดม ก่อนจะย้ายมาที่ลานปรีดีเมื่อเดือนตุลาคม เพราะตึกโดมต้องมีการบูรณะปรับปรุงอาคาร
“เราพยายามทำพื้นที่ตลาดให้มีบรรยากาศแบบสบายๆ เหมาะกับการเดินเลือกซื้อของ พบปะพูดคุยกันระหว่างพ่อค้าแม่ค้าเอง และลูกค้าด้วย ในแต่ละปี เครือข่ายตลาดสีเขียวจะดำเนินการตามนโยบายจากทางสสส. และปีนี้จะเป็นโครงการตลาดสีเขียวสร้างเสริมพลเมืองอาหาร สู่การกิน อยู่ รู้ ใช้อย่างยั่งยืน คือเน้นไปที่พลเมืองอาหาร ซึ่งหมายถึงผู้คนที่ตระหนักถึงศักยภาพ สิทธิ บทบาทหน้าที่ในการเข้าถึงและบริโภคอาหารที่มีสุขภาวะ โดยสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งต่อตนเองและสังคม
“ดังนั้นเราจึงต้องให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความเข้าใจระบบอาหารในภาพรวมให้มากขึ้น ตลาดสีเขียวจึงไม่ได้มีเพียงเฉพาะพื้นที่ซื้อขายเท่านั้น แต่เรายังมีการลงพื้นที่ร่วมกับชุมชน มีกิจกรรมให้ผู้บริโภคได้ไปเยี่ยมชมแหล่งเพาะปลูกของตลาดสีเขียว นอกจากเขาจะได้ความรู้แล้ว ยังได้ความมั่นใจด้วยว่า สินค้าของเราทุกร้านในตลาดมีมาตรฐาน ปลอดสารพิษอย่างแน่นอน”
แต่ละร้านภายในตลาดสีเขียว จะแปะป้ายบอกที่มาที่ไป และประกาศความอินทรีย์ ความปลอดสารพิษ หรือความออร์แกนิก โดยก่อนจะเข้าพื้นที่ร่วมเป็นสมาชิกมาขายผลิตภัณฑ์ที่ตลาดสีเขียวได้ จะต้องผ่านการคัดกรอง ตั้งแต่การยื่นใบสมัคร การสัมภาษณ์ รวมถึงการลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมถึงแหล่งผลิต โดยทางเครือข่ายตลาดสีเขียวจะมีมาตรฐานที่เรียกว่า PGS คือกระบวนรับรองเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานโดยชุมชน ภายใต้หลักการพื้นฐาน ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ ขนม อาหาร หรือผลิตภัณฑ์จากร้านใดที่นำมาจำหน่ายในตลาดสีเขียว จึงมีความปลอดภัย ไร้สาร สามารถซื้อกลับบ้านได้แบบไม่ต้องกังวลใจ
แม้พื้นที่ของตลาดสีเขียวที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะมีพื้นไม่ใหญ่โตนัก แต่เมื่อเดินเข้าไปแล้ว จะพบว่ามีร้านจำหน่ายทั้ง ผักปลอดสาร อาหารปลอดภัย ผลไม้สดๆ จากสวน ขนม เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องใช้แบบครบครัน ให้เราได้จับจ่ายกันสนุกมืออย่างแน่นอน
กรณ์รวีเล่าให้ฟังอีกว่า “หลักการของตลาดสีเขียวคือ ความหลากหลายของร้านค้า และความไม่ซ้ำกันของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะของสดอย่างพืชผัก ผลไม้ จะมีเพียงร้านเดียว เพื่อความเป็นธรรมกับเกษตรกรที่มาขาย หากมีหลายร้านของเขาจะเหลือ และความที่เป็นของสดก็ไม่สามารถนำกลับไปขายต่อได้”
ไม่ใช่แค่ให้ความเป็นธรรมกับคนขายเท่านั้น แต่ตลาดสีเขียวยังเป็นทางหนึ่งทางเลือกที่ดีของผู้บริโภคที่จะได้ซื้อหาผัก ผลิตภัณฑ์ สินค้าปลอดสารต่างๆ ในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก
“เราไม่ได้กำหนดราคา หรือตั้งเพดานราคาขายสินค้า แต่พ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่มาล้วนมีใจอยากขายของได้ เขาจึงตั้งราคาในแบบที่จับต้องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ เราเข้าใจดีว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ ข้าวยากหมากแพง จากที่เคยมีการเก็บเงินเข้ากองทุนเครือข่ายตลาดสีเขียวเพื่อเป็นสวัสดิการให้สมาชิก ตอนนี้ต้องหยุดไปก่อน ดังนั้นจึงตัดต้นทุนในส่วนนี้ออกไปได้อีก ขอให้มั่นใจได้ว่าทั้งคุณภาพของสินค้า และราคา มีความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้ออย่างแน่นอน”
บรรดาคนรักสุขภาพที่อยากบริโภคพืชผักปลอดสาร อาหารปลอดภัย เพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดี สามารถแวะมาจับจ่าย และพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ตามประสาของคนวิถีสีเขียวกันได้ที่ ‘ตลาดสีเขียว ท่าพระจันทร์’ ทุกวันพุธ และพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน เวลา 10.00-16.00 น. ณ ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์